วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2561

2.3 คุณค่าความไพเราะของเพลงสากล

2.3 เรืองที    คุณค่าความไพเราะของเพลงสากล
 ดนตรีเป็นสือสุนทรียศาสตร์ทีมีความละเอียด ประณีต มีความสาํคญัอย่างยิงต่อมนุษย ์ทังทางกาย และ ทางจิต  เมือเราไดย้ินเสียงดนตรีทีมีความสงบ ก็จะทาํให้จิตสงบ  อารมณ์ดี  หากไดย้ินเสียงเพลงทีให้ความ บนัเทิงใจ ก็จะเกิดอารมณ์ทีสดใส ทังนีเพราะดนตรีเป็นสือสุนทรียทีสร้างความสุข ความบนัเทิงใจให้แก่มนุษย์   เป็นเครืองบาํบดัความเครียด สร้างสมาธิ กล่อมเกลาจิตใจใหสุ้ขุม เยอืกเยน็ อารมณ์ดี โดยทีไม่ตอ้งเสียเวลาหรือ เสียเงินซือหาแต่อยา่งใด ดนตรีจึงมีคุณค่าต่อมนุษยม์ากมาย ดงัเช่น เสาวนีย ์สงัฆโสภณ กล่าวว่าจากงานวิจยัของ ต่างประเทศ ทาํให้เราทราบว่า ดนตรีมีผลต่อการทาํงานของระบบประสาท ระบบกลา้มเนือ และสภาพจิตใจ    ทาํใหส้มองหลังสารแห่งความสุข   เพือบรรเทาอาการเจ็บปวด ทาํใหเ้กิดสติ ความรู้สึกนึกคิดทีดี และนาํมาใชใ้น เรืองการคลายความเครียด ลดความวิตกกังวล ลดความกลวั บรรเทาอาการเจ็บปวด เพิมกาํ ลงั และการ เคลือนไหวของร่างกาย โดยนิยมใชใ้นงานฟืนฟสูุขภาพคนทัวไป พฒันาคุณภาพชีวิต ฟืนฟสูมรรถภาพคนพิการ ผปู้่วยโรคจิต และเด็กมีความตอ้งการเป็นพิเศษ เพราะดนตรีเป็นศิลปะทีอาศยัเสียงเพือการถ่ายทอดอารมณ์ไปสู่ ผฟู้ัง เป็นศิลปะทีง่ายต่อการสมัผสั ก่อใหเ้กิดความสุข ความปิติพอใจแก่มนุษยไ์ด ้ กล่าวว่า ดนตรีเป็นภาษาสากล เพราะเป็นสือความรู้สึกของชนทุกชาติได ้ดงันัน คนทีโชคดีมีประสาท รับฟังเป็นปกติ ก็สามารถหาความสุขจากการฟังดนตรีได ้เมือเราไดฟ้ังเพลงทีมีจงัหวะ และทาํนองทีราบเรียบ นุ่มนวล จะทาํใหเ้กิดความรู้สึกผอ่นคลายความตึงเครียด ดว้ยเหตุนี เมือเราไดฟ้ังดนตรี ทีเลือกสรรแลว้ จะช่วย ทาํใหเ้รามีสุขภาพจิตทีดี  อนัมีผลดีต่อสุขภาพร่างกาย  ดนตรีจึงเปรียบเสมือน ยารักษาโรค การทีมีเสียงดนตรี รอบบา้น เปรียบเสมือนมีอาหารและวิตามิน ทีช่วยทาํใหค้นเรามีสุขภาพแข็งแรง  คุณประโยชน์ของดนตรีทีมีต่อมนุษย ์ซึงส่วนใหญ่มกัจะกล่าวถึงดนตรีมีผลต่อสภาวะทางร่างกาย       แต่ความเป็นจริงแลว้ ดนตรีเป็นเรืองของ “จิต” แลว้ส่งผลดีมาสู่ “กาย” ดงันันจึงไม่แปลกอะไร ทีเรามกัจะไดย้ิน ว่า ดนตรีช่วยกล่อมเกลาจิตใจ ทาํให้คนอารมณ์ดี ไม่เครียด คลายปวด ฯลฯ เพราะดนตรีเป็นสือสุนทรียะ            ทีถ่ายทอดโดยใชเ้สียงดนตรีเป็นสือสุดทา้ยของการบรรยายเรือง “สุนทรียศาสตร์ ทางดนตรี” จึงสรุปเป็นขอ้คิด จากการศึกษาในเรืองของความงามในเสียงดนตรี ผเู้สพ ควรเลือกว่าจะเสพเพียงแค่ “เป็นผเู้สพ” หรือจะเป็น      “ผไู้ดร้ับประโยชน์จากการเสพ”  เพราะดนตรีนันงามโดยใชเ้สียงเป็นสือ แต่ขันตอนสาํคญัในการถ่ายทอดคือ นกัดนตรีถ่ายทอดโดยใช ้“จิต”  ผฟู้ังรับสือโดยใช ้“จิต” เป็นตวัรับรู้รับสมัผสัอารมณ์ต่าง ๆ ผลจากการรับสัมผสั ดว้ยจิตนัน เพลงทีสงบ ราบเรียบ จิตก็จะว่าง (สูญญตา) ทาํใหจ้ิตขณะนันปราศจาก “กิเลส” ผฟู้ังจึงรู้สึกสบายใจ คลายความวิตกกงัวล คลายความเศร้า คลายความเจ็บปวด ผฟู้ังเกิดสมาธิ จึงเป็นผลให้สมองทาํงานไดอ้ย่างมี ประสิทธิภาพ




43

องค์ประกอบของดนตรีสากล ดนตรีไม่ว่าจะเป็นของชาติใด ภาษาใด ลว้นมีพืนฐานมาจากส่วนต่างๆ เหล่านีทังสิน ความแตกต่างใน รายละเอียดของแต่ละส่วน ของแต่ละวฒันธรรม โดยวฒันธรรมของแต่ละสังคมจะเป็นปัจจัยทีกาํหนดให ้      ตรงตามรสนิยมของแต่ละวฒันธรรม จนเป็นผลให้สามารถแยกแยะดนตรีของชาติหนึงแตกต่างจากดนตรีของ อีกชาติหนึงได ้ องค์ประกอบของดนตรีสากล ประกอบด้วย  1. เสียง (Tone)  คีตกวีผูส้ ร้างสรรค์ดนตรี เป็นผูใ้ ช้เสียงในการสร้างสรรค์และผลิตงานศิลปะเพือรับใช้สังคม                   ผสู้ร้างสรรคด์นตรีสามารถสร้างเสียงทีหลากหลายโดยอาศยัวิธีการผลิตเสียงเป็นปัจจยักาํหนด เช่น การดีด การสี การตี การเป่าเสียงทีเกิดจากการสันสะเทือนของอากาศทีเป็นไปอยา่งสมาํเสมอ ส่วนเสียงอึกทึกหรือเสียงรบกวน (Noise) เกิดจากการสันสะเทือนของอากาศทีไม่สมาํเสมอ ลกัษณะความแตกต่างของเสียงขึนอย่กูบัคุณสมบตัิ สาํคญั 4 ประการ คือ ระดบัเสียง ความยาวของเสียง ความเขม้ของเสียง และคุณภาพของเสียง 1.1 ระดับเสียง (Pitch) หมายถึง ระดบัของความสูง-ตาํของเสียง ซึงเกิดจากการจาํนวนความถี ของการสันสะเทือน กล่าวคือ ถา้เสียงทีมีความถีสูง ลกัษณะการสันสะเทือนเร็ว จะส่งผลให้มีระดับเสียงสูง       แต่ถา้หากเสียงมีความถีตาํ ลกัษณะการสันสะเทือนชา้จะส่งผลใหม้ีระดบัเสียงตาํ 1.2 ความสัน-ยาวของเสียง (Duration) หมายถึง คุณสมบตัิทีเกียวกบัความยาว-สันของเสียง ซึง เป็นคุณสมบตัิทีสาํคญัอยา่งยิงของการกาํหนดลีลา จงัหวะ ในดนตรีตะวนัตก การกาํหนดความสัน-ยาวของเสียง สามารถแสดงใหเ้ห็นไดจ้ากลกัษณะของตวัโนต้ เช่น โนต้ตวักลม ตวัขาว และตวัดาํ เป็นตน้ สาํหรับดนตรีของ ไทยนัน แต่เดิมมิไดใ้ ช้ระบบการบันทึกโน้ตเป็นหลกั แต่อย่างไรก็ตาม การสร้างความยาว-สันของเสียง          อาจสังเกตได้จากลีลาการกรอระนาดเอก ฆอ้งวง ในกรณีของซออาจแสดงออกมาในลกัษณะของการลาก        คนัชกัยาวๆ  1.3 ความเข้มของเสียง (Intensity) ความเขม้ของเสียงเกียวขอ้งกบันําหนักของความหนักเบา ของเสียง ความเขม้ของเสียงจะเป็นคุณสมบตัิทีก่อประโยชน์ในการเกือหนุนเสียงใหม้ีลีลาจงัหวะทีสมบูรณ์  1.4 คุณภาพของเสียง (Quality) เกิดจากคุณภาพของแหล่งกาํเนิดเสียงทีแตกต่างกนั ปัจจยัทีทาํ ใหคุ้ณภาพของเสียงเกิดความแตกต่างกนันัน เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น วิธีการผลิตเสียง รูปทรงของแหล่งกาํเนิด เสียง และวสัดุทีใชท้าํแหล่งกาํเนิดเสียง ปัจจยัเหล่านีก่อให้เกิดลกัษณะคุณภาพของเสียง ซึงเป็นหลกัสาํคญัให้ ผฟู้ังสามารถแยกแยะสีสนัของเสียง (Tone Color) ระหว่างเครืองดนตรีเครืองหนึงกบัเครืองหนึงไดอ้ยา่งชดัเจน



44

2.  พนืฐานจงัหวะ (Element of Time)  เป็นศิลปะของการจัดระเบียบเสียงทีเกียวข้องกับความช้าเร็ว ความหนักเบาและความสัน-ยาว องค์ประกอบเหล่านีหากนาํมาร้อยเรียงปะติดปะต่อเข้าดว้ยกันตามหลกัวิชาการเชิงดนตรีแลว้ สามารถทีจะ สร้างสรรค์ให้เกิดลีลาจังหวะอนัหลากหลาย ในเชิงจิตวิทยา อิทธิพลของจงัหวะทีมีผลต่อผฟู้ังจะปรากฏพบ       ในลกัษณะของการตอบสนองเชิงกายภาพ เช่น ฟังเพลงแลว้แสดงอาการกระดิกนิว ปรบมือร่วมไปดว้ย  3. ทํานอง (Melody)           ทาํ นองเป็นการจัดระเบียบของเสียงทีเกียวข้องกับความสูง-ตํา ความสัน-ยาว และความดัง-เบา คุณสมบตัิเหล่านีเมือนาํมาปฏิบตัิอยา่งต่อเนืองบนพืนฐานของความชา้-เร็ว จะเป็นองคป์ระกอบของดนตรีทีผฟู้ัง สามารถทาํความเขา้ใจไดง้่ายทีสุด           ในเชิงจิตวิทยา ทาํนองจะกระตุน้ ผฟู้ ังในส่วนของสติปัญญา ทาํนองจะมีส่วนสาํ คญั ในการสร้างความ ประทบัใจ จดจาํ และแยกแยะความแตกต่างระหว่างเพลงหนึงกบัอีกเพลงหนึง  4. พนืผวิของเสียง (Texture)          “พืนผิว” เป็นคาํทีใช้อย่ทูัวไปในวิชาการด้านวิจิตรศิลป์ หมายถึง ลกัษณะพืนผิวของสิงต่างๆ เช่น พืนผวิของวสัดุทีมีลกัษณะขรุขระ หรือเกลียงเกลา ซึงอาจจะทาํจากวสัดุทีต่างกนั           ในเชิงดนตรีนัน “พืนผวิ” หมายถึง ลกัษณะหรือรูปแบบของเสียงทังทีประสานสมัพนัธแ์ละไม่ประสาน สัมพนัธ์ โดยอาจจะเป็นการนาํเสียงมาบรรเลงซอ้นกนัหรือพร้อมกนั ซึงอาจพบทังในแนวตังและแนวนอน    ตามกระบวนการประพนัธ์เพลง ผลรวมของเสียงหรือแนวทังหมดเหล่านัน จดัเป็นพืนผิวตามนัยของดนตรี ทังสิน ลกัษณะรูปแบบพืนผวิของเสียงมีอยหู่ลายรูปแบบ ดงันี  4.1 Monophonic Texture เป็นลกัษณะพืนผวิของเสียงทีมีแนวทาํนองเดียว ไม่มีเสียงประสาน พืนผวิเสียงในลกัษณะนีถือเป็นรูปแบบการใชแ้นวเสียงของดนตรีในยคุแรกๆ ของดนตรีในทุกวฒันธรรม  4.2 Polyphonic Texture เป็นลกัษณะพืนผิวของเสียงทีประกอบด้วยแนวทาํนองตังแต่        สองแนวทาํนองขึนไป โดยแต่ละแนวมีความเด่นและเป็นอิสระจากกนั ในขณะทีทุกแนวสามารถประสาน กลมกลืนไปดว้ยกนั  ลกัษณะแนวเสียงประสานในรูปของ Polyphonic Texture มีวิวฒันาการมาจากเพลงชานท ์ (Chant) ซึงมีพืนผิวเสียงในลกัษณะของเพลงทาํนองเดียว (Monophonic Texture) ภายหลงัไดม้ีการเพิมแนว      ขบัร้องเขา้ไปอีกหนึงแนว แนวทีเพิมเขา้ไปใหม่นีจะใชร้ะยะขันคู่ 4 และคู่ 5 และดาํเนินไปในทางเดียวกบัเพลง ชานท์เดิม การดาํเนินทาํนองในลกัษณะนีเรียกว่า “ออร์กานุ่ม” (Orgonum) นับได้ว่าเป็นยุคเริมต้นของ            การประสานเสียงแบบ Polyphonic Texture หลงัจากคริสต์ศตวรรษที 14 เป็นตน้มา แนวทาํนองประเภทนีไดม้ี การพฒันากา้วหนา้ไปมาก ซึงเป็นระยะเวลาทีการสอดทาํนอง (Counterpoint) ไดเ้ขา้ไปมีบทบาทเพิมมากขึนใน การตกแต่งพืนผวิของแนวทาํนองแบบ Polyphonic Texture

45

4.3 Homophonic Texture เป็นลกัษณะพืนผิวของเสียง ทีประสานดว้ยแนวทาํนองแนวเดียว โดยมี กลุ่มเสียง (Chords) ทาํหนา้ทีสนบัสนุนในคีตนิพนธป์ระเภทนี แนวทาํนองมกัจะเคลือนทีในระดบัเสียงสูง ทีสุดในบรรดากลุ่มเสียงดว้ยกนั ในบางโอกาสแนวทาํนองอาจจะเคลือนทีในระดบัเสียงตาํไดเ้ช่นกนั ถึงแมว้่า  คีตนิพนธป์ระเภทนีจะมีแนวทาํนองทีเด่นเพียงทาํนองเดียวก็ตาม แต่กลุ่มเสียง (Chords) ทีทาํหน้าทีสนับสนุน นัน มีความสาํคญัทีไม่นอ้ยไปกว่าแนวทาํนอง การเคลือนทีของแนวทาํนองจะเคลือนไปในแนวนอน ในขณะที กลุ่มเสียงสนบัสนุนจะเคลือนไปในแนวตัง  4.4 Heterophonic Texture เป็นรูปแบบของแนวเสียงทีมีทาํนองหลายทาํนอง แต่ละแนว         มีความสาํคญัเท่ากนัทุกแนว คาํว่า Heteros เป็นภาษากรีก หมายถึงแตกต่างหลากหลาย ลกัษณะการผสมผสาน ของแนวทาํนองในลกัษณะนี เป็นรูปแบบการประสานเสียง  5. สีสันของเสียง (Tone Color)            “สีสนั ของเสียง” หมายถึง คุณลกั ษณะของเสียงทีกาํเนิดจากแหล่งเสียงทีแตกต่างกนั แหล่งกาํเนิดเสียง ดงักล่าว เป็นไดท้ังทีเป็นเสียงร้องของมนุษยแ์ละเครืองดนตรีชนิดต่างๆ ความแตกต่างของเสียงร้องมนุษย ์ไม่ว่า จะเป็นระหว่างเพศชายกับเพศหญิง หรือระหว่างเพศเดียวกัน ซึงลว้ นแลว้ แต่มีพืนฐานของการแตกต่าง     ทางดา้นสรีระ เช่น หลอดเสียงและกล่องเสียง เป็นตน้           ในส่วนทีเกียวข้องกบั เครืองดนตรีนัน ความหลากหลายด้านสีสันของเสียง ประกอบด้วยปัจจัยที แตกต่างกนัหลายประการ เช่น วิธีการบรรเลง วสัดุทีใชท้าํเครืองดนตรี รวมทังรูปทรง และขนาด ปัจจยัเหล่านี ลว้นส่งผลโดยตรงต่อสีสนัของเสียงเครืองดนตรี ทาํใหเ้กิดคุณลกัษณะของเสียงทีแตกต่างกนัออกไป  5.1 วิธีการบรรเลง โดยวิธีดีด สี ตี และเป่า วิธีการผลิตเสียงดงักล่าวลว้นเป็นปัจจยัให้เครือง ดนตรีมีคุณลกัษณะของเสียงทีต่างกนั  5.2 วสัดุทีใช้ทําเครืองดนตรี วสัดุทีใชท้าํเครืองดนตรีของแต่ละวฒันธรรมจะใชว้สัดุทีแตกต่าง กนัไปตามสภาพแวดลอ้มของสงัคมและยคุสมยั นบัเป็นปัจจยัทีสาํคญัประการหนึง ทีส่งผลใหเ้กิดความแตกต่าง ในดา้นสีสนัของเสียง  5.3 ขนาดและรูปทรง เครืองดนตรีทีมีรูปทรงและขนาดทีแตกต่างกนั จะเป็นปัจจยัทีส่งผลให้ เกิดความแตกต่างกนัในดา้นของเสียงในลกัษณะทีมีความสมัพนัธก์นั 6. คตีลกัษณ์ (Forms)           คีตลกั ษณ์หรือรูปแบบของเพลง เปรียบเสมือนกรอบทีไดห้ ลอมรวมเอาจงั หวะ ทาํนอง พืนผวิ และสีสนั ของเสียงใหเ้คลือนทีไปในทิศทางเดียวกนั เพลงทีมีขนาดสัน-ยาว วนกลบัไปมา ลว้นเป็นสาระสาํคญัของ         คีตลกัษณ์ทังสิน ดนตรีมีธรรมชาติทีแตกต่างไปจากศิลปะแขนงอืน ๆ ซึงพอจะสรุปไดด้งันี 1. ดนตรีเป็นสือทางอารมณ์ทีสมัผสัไดด้ว้ยหู กล่าวคือ หูนับเป็นอวยัวะสาํคญัทีทาํให้คนเราสามารถ สมัผสักบัดนตรีได ้ผทู้ีหูหนวกยอ่มไม่สามารถทราบไดว้่าเสียงดนตรีนันเป็นอยา่งไร
46

2. ดนตรีเป็นส่วนหนึงของวฒั นธรรม กล่าวคือ กลุ่มชนต่าง ๆ จะมีวฒั นธรรมของตนเอง และ วฒันธรรมนีเองทีทาํใหค้นในกลุ่มชนนันมีความพอใจและซาบซึงในดนตรีลกัษณะหนึงซึงอาจแตกต่างไปจาก คนในอีกวฒันธรรมหนึง ตวัอย่างเช่น คนไทยเราซึงเคยชินกบัดนตรีพืนเมืองไทยและดนตรีสากล เมือไปฟัง ดนตรีพืนเมืองของอินเดียก็อาจไม่รู้สึกซาบซึงแต่อยา่งใด แมจ้ะมีคนอินเดียคอยบอกเราว่าดนตรีของเขาไพเราะ เพราะพริงมากก็ตาม เป็นตน้ 3. ดนตรีเป็นเรืองของสุนทรียศาสตร์ว่าดว้ยความไพเราะ ความไพเราะของดนตรีเป็นเรืองทีทุกคน สามารถซาบซึงไดแ้ละเกิดขึนเมือใดก็ได ้กบัทุกคน ทุกระดบั ทุกชนชัน ตามประสบการณ์ของแต่ละบุคคล 4. ดนตรีเป็นเรืองของการแสดงออกทางอารมณ์ เสียงดนตรีจะออกมาอย่างไรนันขึนอย่กูบัเจา้ของ อารมณ์ทีจะช่วยถ่ายทอดออกมาเป็นเสียง ดงันันเสียงของดนตรีอาจกล่าวไดว้่าอยทู่ีอารมณ์ของผปู้ระพนัธ์เพลง   ทีจะใส่อารมณ์ลงไปในเพลงตามทีตนต้องการ ผูบ้ รรเลงเพลงก็ถ่ายทอดอารมณ์จากบทประพนั ธ์ลงบน        เครืองดนตรี ผลทีกระทบต่อผูท้ ีฟังก็คือ เสียงดนตรีทีประกอบขึนด้วยอารมณ์ของผูป้ระพนัธ์ผสมกับ ความสามารถของนกัดนตรีทีจะถ่ายทอดไดถ้ึงอารมณ์หรือมีความไพเราะมากนอ้ยเพียงใด 5. ดนตรีเป็นทังระบบวิชาความรู้และศิลปะในขณะเดียวกัน กล่าวคือ ความรู้เกียวกบั ดนตรีนัน        เป็นเรืองเกียวกบัเสียงและการจดัระบบเสียงใหเ้ป็นท่วงทาํนองและจงัหวะ ซึงคนเรายอ่มจะศึกษาเรียนรู้ “ความรู้ ทีเกียวกบัดนตรี”  นีก็ได ้โดยการท่อง จาํ อ่าน ฟัง รวมทังการลอกเลียนจากคนอืนหรือการคิดหาเหตุผลเอาเองได ้ แต่ผทู้ีไดเ้รียนรู้จะมี “ความรู้เกียวกบัดนตรี” ก็อาจไม่สามารถเขา้ถึงความไพเราะหรือซาบซึงในดนตรีไดเ้สมอ ไป เพราะการเขา้ถึงดนตรีเป็นเรืองของศิลปะ เพียงแต่ผทู้ีมีความรู้เกียวกบัดนตรีนันจะสามารถเขา้ถึงความ ไพเราะของดนตรีไดง้่ายขึน กจิกรรม -  ให้ผูเ้รียนรวมกลุ่มและจัดหาเพลงทีมีจังหวะช้าและเร็วนํามาเปิดให้ฟังในชันเรียน และบอกเล่า ความรู้สึกของตนในแต่ละเพลงใหทุ้กคนฟัง -  ใหผ้เู้รียนรวมกลุ่มหาเพลงบรรเลงสากลนาํมาเปิดและแต่ละคนเขียนถึงความรู้สึกและจินตนาการจาก เพลงนัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น