วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2561

2.1 ดนตรี

2.  ดนตรี

สาระสําคัญ  ความหมาย  ความสาํคญั ความเป็นมา วิวฒันาการรูปแบบเทคนิค วิธีการของดนตรีประเภทต่างๆ คุณค่า ความงาม ความไพเราะของดนตรีสากล
ผลการเรียนรู้ทีคาดหวัง อธิบายความหมาย ความสาํคญั ความเป็นมา ของดนตรีสากล เข้าใจถึงต้นกาํเนิด ภูมิปัญญา และการ ถ่ายทอดสืบต่อกันมา ขอบข่ายเนื้อหา  เรืองที่ดนตรีสากล  เรืองที่ดนตรีสากลประเภทต่าง ๆ เรืองที่ คุณค่าความไพเราะของเพลงสากล เรื่องที ประวัติภูมิปัญญาทางดนตรีสากล

 2.1เรื่อง ดนตรีสากล
ดนตรีเกิดขึนมาในโลกพร้อมๆกบัมนุษยเ์รานันเอง ในยุคแรกๆมนุษยอ์าศยัอย่ใูนป่า ในถํ้าและในโพรงไม้   แต่มนุษยก็รู้จักการร้องรําทาํเพลงตามธรรมชาติ   เช่นรู้จักปรบมือ  เคาะหิน  เคาะไม ้ เป่าปาก  เป่าเขา  และการเปล่งเสียงร้อง เช่น  การร้องรําทำเพลงเพื่ออ้อนวอนพระเจ้าให้ช่วยเพือพน้ภยั   บนัดาลความสุขความ อุดมสมบูรณ์ต่างๆใหแ้ก่ตน   หรือเป็นการบูชาแสดงความขอบคุณพระเจา้ทีบนัดาลใหต้นมีความสุขความสบาย ในระยะแรก  ดนตรีมีเพียงเสียงเดียวและแนวเดียวเท่านันเรียกว่า  Melody ไม่มีการประสานเสียง จนถึงศตวรรษที 12 มนุษยเ์ราเริมรู้จกัการใชเ้สียงต่างๆมาประสานกนัอยา่งง่ายๆ เกิดเป็นดนตรีหลายเสียงขึนมา ยุคต่างๆของดนตรี นักปราชญ์ทางดนตรีได้แบ่งดนตรีออกเป็นยุคต่างๆดังนี 1. Polyphonic  Perio( ค.ศ. 1200-1650 )  ยุคนีเป็นยุคแรก  วิวฒันาการมาเรือยๆ  จนมีแบบฉบบัและ หลกัวิชาการดนตรีขึน  วงดนตรีอาชีพตามโบสถ ์   ตามบา้นเจา้นาย  และมีโรงเรียนสอนดนตรี 2. Baroque  Period  ( ค.ศ. 1650-1750 )  ยุคนีวิชาดนตรีไดเ้ป็นปึกแผ่น  มีแบบแผนการเจริญดา้น    นาฏดุริยางค ์   มากขึน  มีโรงเรียนสอนเกียวกบัอุปรากร  ( โอเปร่า)  เกิดขึน  มีนักดนตรีเอกของโลก 2 ท่านคือ  J.S. Bach   และ    G.H.   Handen 3. Classical  Period ( ค.ศ. 1750-1820 )  ยุคนีเป็นยุคทีดนตรีเริมเขา้สู่ยุคใหม่  มีความรุ่งเรืองมากขึน    มีนกัดนตรีเอก 3 ท่านคือ  Haydn Gluck   และMozart 4. Romantic Period  ( ค.ศ. 1820-1900 )  ยคุนีมีการใชเ้สียงดนตรีทีเน้นถึงอารมณ์อย่างเด่นชัดเป็นยุค ทีดนตรีเจริญถึงขีดสุดเรียกว่ายคุทองของดนตรี นกัดนตรีเช่น Beetoven และคนอืนอีกมากมาย 5. Modern  Period  ( ค.ศ. 1900-ปัจจุบนั ) เป็นยุคทีดนตรีเปลียนแปลงไปมาก  ดนตรีประเภทแจ๊ส (Jazz) กลบัมามีอิทธิพลมากขึนเรือยๆจนถึงปัจจุบนัขนบธรรมเนียมประเพณีของแต่ละชาติ  ศาสนา  โดยเฉพาะ ทางดนตรีตะวนัตก  นับว่ามีความสัมพนัธ์ใกลช้ิดกับศาสนามาก  บทเพลงทีเกียวกับศาสนาหรือเรียกว่า        เพลงวดันัน  ไดแ้ต่งขึนอยา่งถกูหลกัเกณฑ ์  ตามหลกัวิชาการดนตรี  ผแู้ต่งเพลงวดัตอ้งมีความรู้ความสามารถสูง  เพราะตอ้งแต่งขึนใหส้ามารถโนม้นา้วจิตใจผฟู้ังใหน้ิยมเลือมใสในศาสนามากขึน  ดงันันบทเพลงสวดในศาสนา คริสตจ์ึงมีเสียงดนตรีประโคมประกอบการสวดมนต ์  เมือมีบทเพลงเกียวกบัศาสนามากขึน  เพือเป็นการป้องกนั การลืมจึงไดม้ีผปู้ระดิษฐส์ญัลกัษณ์ต่างๆแทนทาํนอง  เมือประมาณ ค.ศ.  1000  สัญลกัษณ์ดงักล่าวคือ  ตวัโน้ต  ( Note )  นันเอง  โน้ตเพลงทีใชใ้นหลกัวิชาดนตรีเบืองตน้เป็นเสียงโด  เร  มี นั้น  เป็นคาํสวดในภาษาละติน  จึงกล่าวได้ว่าวิชาดนตรีมีจุดกาํเนิดมาจากวดัหรือศาสนา  ซึงในยโุรปนันถือว่าเพลงเกียวกบัศาสนานันเป็นเพลง ชันสูงสุดวงดนตรีทีเกิดขึนในศตวรรษตน้ๆจนถึงปัจจุบัน จะมีลกัษณะแตกต่างกนัออกไป  เครืองดนตรีทีใช้ บรรเลงก็มีจาํนวนและชนิดแตกต่างกนัตามสมยันิยม  ลกัษณะการผสมวงจะแตกต่างกนัไป  เมือผสมวงดว้ย เครืองดนตรีทีต่างชนิดกนั  หรือจาํนวนของผบู้รรเลงทีต่างกนัก็จะมีชือเรียกวงดนตรีต่างนัก




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น